ชมพู่ อารยา กลับเข้าอยู่ชั้น47คอนโด ตอบเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จัก ลั่นดีนะไม่เรียกป้า บันเทิง

 

ชมพู่ อารยา กลับเข้าอยู่ชั้น47คอนโด อะไรจะเกิดก็เกิด ภัยธรรมชาติอยู่ที่ไหนก็เจอได้ รอทำบ้านไม่เกิน3ปี ตอบเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จัก ลั่นดีนะไม่เรียกป้า ก็ยังเรียกพี่ เผยความพร้อมน้องเกล ได้เป็นนางสงกรานต์

ย้อนเล่าเหตุการณ์สุดระทึกอุ้มน้องแอบิเกล ลูกสาว หนีแผ่นดินไหวลงมาจากคอนโดชั้น 47 สำหรับซุปตาร์ตัวแม่ ชมพู่ อารยา ที่ล่าสุดเจ้าตัวมาร่วมงาน แถลงข่าว “137 ดีกรี” เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ นมอัลมอนด์โปรตีนสูง 11 กรัม ณ ลานอีเดน ชั้น 1 1 ค ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ก็ได้เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมเปิดใจหลังเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักชมพู่ อารยา จนต้องเข้ามาถามกลางโซเชียล พร้อมอัพเดตความพร้อมน้องแอบิเกล หลังได้เป็นนางสงกรานต์

อ่านข่าว – จากคนนวดในกอง ชมพู่ ชวน ป้าเจี๊ยบ อยู่ด้วยถึงวันนี้ ช่วยส่งลูกสาวเรียนทำงานเมืองนอก
อ่านข่าว – แม่ชม อุ้มน้องเกล วิ่งลงคอนโดจากชั้น 47 น้าพลอย บอกเจ๊เกลนิ่งมาก ไม่ร้องเลย
ขอย้อนเหตุการณ์วันแผ่นดินไหว อุ้มน้องเกลลงมาจากชั้น 47 ตอนนั้นแม่ทำอะไร?
“นั่งแต่งหน้าอยู่ ก็คือนัดกันกับเพื่อน กับพลอยและเจ้าอู๋ว่าวันนี้เป็นวันทำคอนเทนต์ ของเรา เดี๋ยวเราจะวางแผนว่าเราจะตระเวนทำคอนเทนต์อะไรบ้าง งานลูกค้า งานเรา ก็กำลังนั่งแต่งหน้า แล้วก็เม้าธ์กันอยู่ ซึ่งพลอยเขาก็รู้สึกก่อน แล้วเราก็ค่อยรู้สึก พอเรารู้แล้วว่ามันไม่ใช่ละ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไม่อยู่ละ แล้วรู้สึกว่ามันโยกก็คือมันไปแบบไม่คิดอะไร”

แสดงว่าก็ได้รับแรงสะเทือนเยอะอยู่เหมือนกันใช่ไหม?
“ชมว่าแรงสะเทือนเนี่ยไม่เท่าไหร่ แต่แรงโยกมันเป็นแบบนี้ (ทำมือพริ้วไหว) เพราะว่าเราอยู่สูง แต่ว่าชมเข้าใจว่าถ้าคนที่อยู่ต่ำลงมาหน่อยความรู้สึกของเขาจะอีกแบบหนึ่ง คือมันรู้สึกเหมือนเราอยู่ในเรือแล้วมันโคลงเคลง”

ตอนนั้นก็แต่งตัวไม่ได้เรียบร้อยด้วย?
“ก็ใส่เสื้อตัวเดียว แล้วก็วิ่งไป ก็ออกจากห้องแต่งตัว แล้วก็ก่อนจะลงบันไดไปอีกชั้นหนึ่งก็คือผ่านห้องทำงานตัวเอง ซึ่งก็มีเสื้อผ้าวางกระจัดกระจายก็ยังพอมีสติหยิบกางเกงมาตัวหนึ่งแล้วก็ใส่ แล้วก็ลงไปหาลูกข้างล่าง”

คิดไหมว่านี่เราอยู่ชั้น 47 นะ คือมันสูงมากกับการที่วิ่งลงไปข้างล่าง?
“ใจมันไม่ได้คิดอะไรเลย คือตอนนั้นมันก็รู้แค่ว่าจะออกไปให้ได้แล้ว ตาเราก็มองทุกชั้นเลย ทำไมมันไม่ลดสักทีวะ เหมือนกว่าจะพ้นเลข 4 แล้วเหมือนชมจำได้ว่าดูครั้งสุดท้ายคือชั้น 33 แล้วก็เลิกดูแล้ว เพราะว่ามันท้อ แล้วก็ใส่อย่างเดียวเลย”

ตอนนั้นอุ้มเกลมาคนเดียวเหรอ?
“จริงๆ ตอนแรกอู๋เขาอยู่ชั้น 46 ชมอยู่ชั้น 47 คือชมเหมือนภาพมันตัด คือคนอื่นเขาจะเห็นแชนเดอร์เรียแกว่ง เห็นนู่นเห็นนี่ แต่ชมไม่เห็นอะไรเลย เพราะว่าเหมือนโฟกัสที่เรา คือเราจะไปข้างหน้าอย่างเดียว และเราจะไปเอาลูกอย่างเดียว แล้วชมจำระหว่างทางไม่ได้ ของชมเหมือนแบบจากในห้องแล้วชมก็จำได้ว่าหยิบกางเกง แล้วภาพมันก็ตัดมาที่ทางหนีไฟเลย เพราะว่าจำไม่ได้ มันแบลงก์ ก็เห็นว่าอู๋อุ้มน้องอยู่ แล้วก็สะพายกระเป๋า และถือแล็บท็อปตัวเอง เราก็เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่ละ มันแบบทุลักทุเล แต่ถ้าถามว่ารู้ไหมว่าเขาเอาอยู่ รู้เขาแข็งแรง เพราะว่าออกกำลังกายด้วยกัน ก็รู้ศักยภาพเขา แต่ว่าเราก็เป็นแม่”

ลูกๆ เขามีปฏิกิริยายังไงบ้าง?
“เขาก็สัมผัสได้ว่าทุกคนค่อนข้างแพนิก เขาก็ถามว่าแม่เราหนีอะไร เขาก็มีเบะจะร้องเหมือนกัน เราก็บอกว่าไม่ต้องกลัว เดี๋ยวแม่พาออกไป”

 

ตอนนั้นสายฟ้า-พายุอยู่ด้วยกันไหม?
“ไม่ อยู่โรงเรียน ดีแล้วๆ”

คุณแม่อุ้มลงมากี่ชั้น?
“คือชมเปลี่ยนมือกับอู๋ชั้น 44 เพราะว่าเราเห็นแล้วว่ามันทุลักทุเล มันไม่ใช่แล้ว เขาก็อุ้มอยู่ในโพสิชั่นที่เรารู้สึกว่าอุ้มไม่ถูกใจด้วย แล้วเราก็เป็นแม่ เราก็รู้สึกว่ามันต้องเป็นเรา ก็อยู่กับแม่เขาจะรู้สึกไอ้นี่มากกว่า ก็วิ่งมาเรื่อยๆ แล้วก็คุณน็อต วิศรุต ซึ่งก่อนหน้านั้นอาบน้ำอยู่ ฟองเต็มหัวเลย ก็คือนางก็เข้าไปใส่เสื้อผ้า แล้วพอเหมือนนางออกมาอีกทีเราไม่อยู่แล้ว ไปแล้ว พอเหมือนนางเดินลงมาไม่เห็นใคร นางก็กลัวว่าจะมีใครที่ตกหล่น นางก็วิ่งเช็กรอบบ้าน แล้วก็วิ่งตามลงไป นางก็ได้เจอเราประมาณชั้น 10 (ก็มาช่วยอุ้มน้องเกล?) ใช่ เขาก็บอกว่ามาๆๆเดี๋ยวพี่ช่วย ชมก็ว่าจะถึงอยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่ว่าเข้าใจว่าเราก็ต้องให้เขาอุ้ม เพราะว่าถ้าเขาไม่ได้อุ้มเลย เขาก็จะรู้สึก ก็เลยส่งต่อให้แล้วก็วิ่งกันลงมา ไม่มีใครใส่รองเท้ากันสักคน”

พอเสร็จเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วกลับไปดูบ้านไหม?
“ชมไปดูเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ไม่มีอะไร”

ขึ้นลิฟต์ไปเลยไหม หรือว่าเดินขึ้นไป”
“ไม่เดินๆค่ะ ก็ใช้ลิฟต์เซอร์วิส ใช้ลิฟต์ขนของขึ้นไป”

ด้วยความที่เราตั้งเป้าว่าเราอยากจะหนีคอนโดมาตลอด พอมันเกิดเหตุการณ์นี้แพลนการที่อยู่บ้าน มันจะเร็วขึ้นมาไหม?
“จริงๆ กำลังทำบ้าน ก็คือมีที่แล้ว ก็กำลังดูเรื่องแบบเรื่องอะไรกันอยู่ แต่ว่าพอแผ่นดินไหวปุ๊บ พ่อก็แบบว่าเร่ง (จะย้ายเลย?) ยังไงมันก็ต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน แต่ว่าก็เรียกว่ามีแรงจูงใจมากขึ้น แต่ว่าตอนนี้ชมก็กลับไปนอนตามปกติแล้ว ก็รู้สึกว่าชมโอเคแล้ว แล้วก็ชีวิตมันก็ดำเนินต่อไป และก็รู้สึกว่าจริงๆ เรื่องของภัยธรรมชาติอยู่ที่ไหนมันก็เจอได้ คือเวลาน้ำท่วมก็บอกว่าอยู่คอนโดดี พอแผ่นดินไหวก็อยากกลับมาอยู่บ้านอะไรอย่างนี้ จริงๆ อะไรจะเกิดมันก็เกิด แล้วชีวิตมันก็ต้องดำเนินต่อไป”

กับเด็กๆ เราต้องมีอธิบายความรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
“ชมสัมภาษณ์ลูก เพราะเห็นว่าเขาไม่ได้แพนิกมากอะไรมาก คือพอเล่าย้อนกลับไปว่า วันนั้นพอเกิดเรื่องเสร็จปุ๊บ เราก็ให้คนรถขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับ เพราะว่าเราออกมาจากคอนโดกันแล้ว ก็ให้คนรถขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับลูกออกมาจากโรงเรียน เพราะถ้าเอารถไปรับลูก คือ มันไม่ถึงเพราะว่าผู้ปกครองทุกคน ก็คือจะไปหาลูก คนรถก็อาสาว่าเดี๋ยวผมขี่มอเตอร์ไซค์ไป แล้วก็ไปเอาน้องออกมา ก็มาเจอกันกลางถนนตรงหน้าศูนย์ฯ สิริกิติ์ แล้วก็ถามเขาว่าเขาเป็นยังไง

เขาก็บอกว่าเขากลัวนิดหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้กลัวมาก แล้วก็เด็กรุ่นนี้ไม่ต้องอธิบายมากเลย เหมือนเราถามเขาว่าแล้วพอมันเกิดอะไรอย่างนี้ เขาคิดยังไง เขาบอกว่าเขาคิดว่าแผ่นดินไหว แต่ว่าพอเป็นรุ่นเรา เราจะคิดว่าบ้านหมุน แล้วด้วยความที่เราอยู่มาขนาดนี้แล้วในประวัติศาสตร์ประเทศไทยมันไม่เคยมี เราก็จะไม่มีวันคิดว่ามันใช่ แต่ว่าเด็กเขาไม่ได้มีความคิดว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นในประเทศไทยนึกออกไหม เพราะว่าเขาอยู่มาแค่นี้ แล้วเหมือนเขาอาจจะได้ข้อมูลจากยูทูบ หรือว่าจากอะไร แล้วเขาก็รู้ว่าอย่างนี้คือแผ่นดินไหว แต่ว่าเราปักใจเชื่อไงว่ามันไม่มีทาง มันไม่ใช่หรอก”

ย้อนกลับไปเรื่องการเร่งเรื่องการสร้างบ้าน มีแพลนเข้าอยู่เมื่อไหร่?
“อ๋อ จริงๆ คุณน็อตประเมินไว้ว่าไม่เกิน 3 ปีจากวันนี้ พอดีว่าเราก็เพิ่งได้ที่ที่เราแฮปปี้ เพราะว่าที่ที่หากันก็หาเป็นปีเหมือนกัน ก็จนได้ที่ที่ทุกคนแฮปปี้ ชอบ ก็กำลังเร่งทำแบบ”

แปลว่าต้องเร็วกว่า 3 ปี หลังจากนี้?
“คือชมเป็นคนที่ทั้งชีวิตทำการก่อสร้างมา หมายถึงว่าอะไรที่ต้องเกี่ยวกับการก่อสร้างมันดีเลย์อยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้อยากจะแบบว่าเดี๋ยว 3 ปีอยู่เลย แต่คุณน็อตเขา positive มาก เพราะว่าเขาทำได้ แต่ว่าเราก็ไม่ได้อะไร เพราะว่าบ้านชมทุกหลังที่ทำมา คอนโดทุกที่ๆ แต่งมา ที่อะไรมา ก็คือดีเลย์เป็นปีตลอด ก็เลยไม่เป็นไร ทำให้ดี ทำไป ที่นี่เราก็ยังอยู่ได้ ก็ยังแฮปปี้อยู่”

ก่อนหน้านี้โซเชียลมีการพูดถึงประเด็นว่า เด็กป.5 ไม่รู้จัก แม่ชม ไปถามว่าคนๆ นี้คือใครนะอะไรอย่างนี้ แม่ได้เห็นข่าวไหม?
“เห็นแล้วค่ะ ก็ดีนะ ไม่เรียกป้า (หัวเราะ) ก็ยังเรียกพี่”

ยังไม่เคยเจอโดนเรียกอะไรอย่างนั้นเนาะ?
“ก็ยังไม่ เขาไม่รู้จักเรา เขายังเรียกเราพี่”

รู้สึกยังไงกับลูกเราแมสทั่วประเทศแล้ว?
“ก็ตามนั้นเลยค่ะ ก็ดีใจค่ะ มีคนรักน้องก็ดีใจ”

คนบอกว่าไม่รู้จักชมพู่ ก็มีคนมาบอกว่าชมพู่ อารยาไงไม่รู้จักจริงๆ เหรอ มันเป็นยังไงบ้างกับยุคสมัยที่มันเปลี่ยนไปจริงๆ”
“ก็ตามนั้นเลยค่ะ มันก็เปลี่ยนไปจริงๆ เดี๋ยวนี้เขาเรียกว่าสิ่งเร้าไม่ว่าจะเป็นดารา หรือว่าสื่อ หรืออะไรอย่างนี้ มันมีหลากหลายถูกไหม เมื่อก่อนยุคของเราละครก็คือ 3,5,7 แค่นั้น แต่ว่าเดี๋ยวนี้มันมีอะไรให้คนเลือกเสพตามความชอบ ตามกลุ่ม ตามอะไรของเขามากขึ้น มันก็เป็นไปตามยุคตามสมัย”

เหมือนกันกับเรื่องของเจเนอเรชั่นที่แบบ มันหมดยุคเราแล้วจริงๆ หรือว่ายังไง คนไม่รู้จักเราแล้ว กับเด็กป.5?
“ไม่ได้ซีเรียส”

ได้เช็กคอมเมนต์ไหมว่ามันเป็นยังไงบ้างกับคนที่เขาพูดถึงเราในแง่นี้?
“คือชมก็เห็นพวกเพจ พวกอะไรอย่างนี้ เอาไปลง ก็ตามนั้น ก็แค่นั้น แต่ว่าไม่ได้ไปแบบว่าล่าแม่มด หรือไม่ได้ไปใส่ใจขนาดนั้น เพราะว่าอย่างลูกชมไปโรงเรียน ชมไปส่งลูก พวกเด็กๆ ที่เขาเป็นเพื่อนลูกชม เขาก็ไม่ได้รู้ว่าชมเป็นใคร เขาก็ไม่ได้รู้ว่าแม่สายฟ้า-พายุเป็นดารา มันก็เป็นโลกของเด็กเขาไปแล้ว ก็เหมือนบางทีเราก็ไม่ได้รู้จักตัวละครในโลกของเขาเหมือนกัน”

เรื่องอาร์ตทอยมีกระแสข่าวว่าจะมีเบอร์ 2 แล้ว?
“มีอีกแล้วหรอ (หัวเราะ) ก็เป็นเรื่องของอนาคต”

ตอนนี้นางสงกรานต์เตรียมตัวไปถึงขั้นไหนแล้ว ฟิตติ้งชุดหรือยัง?
“เดี๋ยวจะฟิตติ้งวันสองวันนี้แหละค่ะ”

จริงๆ เรากังวลไหม เพราะด้วยความชุดมันมีพร็อพเยอะ”
“จริงๆ ก็แอบกังวล ก็เหมือนแจ้งไปทาง เหมือนจะเป็นอาจารย์ที่เขาทำพวกชุดอะไรอย่างนี้ ก็มีแจ้งไปเหมือนกันว่า ของน้องคือเทคนิคมันต้องไม่เหมือนผู้ใหญ่ เราจะมานั่งผูกผ้าจริงๆ อะไรอย่างนี้มันก็เป็นไปไม่ได้ มันก็ต้องค่อนข้างจะสำเร็จมาแล้ว แล้วก็พวกเนื้อผ้าถ้าคันเด็กเขาจะไม่ให้ความร่วมมือ เด็กมันไม่ทน มันไม่เหมือนผู้ใหญ่”

น่าจะเป็นนางสงกรานต์ที่เด็กที่สุด?
“น่าจะใช่ 3 ขวบ”

เจ๊เกลเข้าใจไหม นางสงกรานต์?
“ยังร้องลอยกระทงอยู่เลย ก็ยังแยกไม่ค่อยออก เดี๋ยวต้องบรีฟดีๆ”

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *